พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติต่อลูก แต่ละครอบครัวมีวิธีในการอบรม บ่มนิสัยลูกในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้สังคมในปัจจุบันนี้มีเด็กที่นิสัยหลากหลาย ในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งการจะหล่อหลอมให้ลูกเติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารัก นิสัยดี มีคุณภาพในอนาคตนั้น เริ่มจากการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก และเพื่อเป็นแนวทางในการปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับลูก โดยที่ไม่กระทบต่อจิตใจเด็ก วันนี้เรามีพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง ไม่ปฏิบัติควรกับลูกอย่างเด็ดขาด จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
1. พฤติกรรมการขู่ลูกให้กลัวอยู่บ่อยครั้ง
เราจะเห็นได้ว่ามีพ่อแม่หลายท่านมากที่มักจะขู่ลูกให้รู้สึกกลัวอยู่บ่อยๆเพื่อให้ลูกมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งคุณทราบหรือไม่ว่าวิธีการปฏิบัติกับลูกเช่นนี้จะส่งผลเสีย เป็นการปิดกั้นและขัดขวางพัฒนาการของลูก ไม่ให้เขาแสดงความสามารถออกมาได้เท่าที่ควร จะทำให้เด็กเกิดอารมณ์ความรู้สึกด้านลบ เช่น รู้สึกตกใจ เป็นเด็กขี้กลัว คำขู่ของพ่อแม่ที่เราพบได้บ่อยเช่น เดี๋ยวตำรวจจับ, เดี๋ยวหมอฉีดยา, เดี๋ยวเอาไปทิ้งขยะเลย, เดี๋ยวตุ๊กแกกัด เป็นต้นเป็นวิธีที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างมาก ทำให้เขาขาดการเรียนรู้ และไม่มีโอกาสได้พัฒนาตนเองเท่าที่ควร
2. พูดเยอะ จนคำพูดไม่ศักดิ์สิทธิ์
จะเห็นได้ว่า เป็นนิสัยพื้นฐานของคุณแม่ทั่วไปเลย ที่ชอบอธิบาย ด้วยความหวังดี แต่เด็กนั้นความอดทนต่ำ เขาจะไม่ชอบฟังอะไรที่ยืดยาว ซึ่งข้อนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับลูก ถ้าอยากอบรมสั่งสอนลูกให้ได้ผลมากขึ้น คุณต้องพูดให้น้อย และทำสีหน้าให้จริงจังมากขึ้น พูดเฉพาะส่วนที่สำคัญเด็กจะสามารถจับใจความได้ง่าย ยิ่งพูดเยอะเท่าไหร่ เด็กยิ่งไม่รับฟังและเกิดการต่อต้านมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าเรื่องไหนที่สำคัญและจำเป็น ให้คุณแสดงพฤติกรรมที่น่าเกรงขาม ไม่พูดเยอะ สั้นๆได้ใจความ จะทำให้ลูกรับฟังและปฏิบัติตามได้ดีขึ้นนั่นเอง
3. ต่อว่าหรือทำโทษลูกต่อหน้าคนอื่น
จะเห็นได้ว่า ข้อนี้ถือเป็นมารยาททางสังคมเลยก็ว่าได้ กับเด็กก็เช่นเดียวกัน เขามีชีวิตจิตใจ และมีความรู้สึกเหมือนกับผู้ใหญ่ทั้งสิ้น การโดนต่อว่า หรือโดนดุต่อหน้าผู้อื่น จะทำให้เขารู้สึกอาย และเสียความมั่นใจไปเลย ยกตัวอย่างพฤติกรรมเช่น โดนทำโทษต่อหน้าเพื่อนๆ, โดนเปรียบเทียบต่อหน้าคนอื่น, โดนพูดจาประชดประชันกระทบจิตใจ สิ่งเหล่านี้จะทำให้จิตใจของเด็กแย่ลง เขาจะกลายเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจ และไม่เคารพความรู้สึกของตัวเอง ต้องคอยระแวงและคอยทำตามความพอใจของคุณพ่อคุณแม่ จนขาดความเป็นตัวเองในที่สุด
4. ตะคอกใส่ลูก
พฤติกรรมนี้ถือว่าควรหลีกเลี่ยงอย่างมาก เข้าใจความรู้สึกของผู้ปกครองที่มีลูกดื้อ ซน แต่นั่นคือธรรมชาติของเด็ก ถ้าหากเขาทำอะไรที่ผิดพลาด หรือไม่เหมาะสมจนเกินไป ให้คุณใช้วิธีอธิบายด้วยเหตุผล ไม่แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว ตะคอกใส่เขาอย่างเด็ดขาด เพราะนั่นจะทำให้เขาเรียนรู้ และซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้น จนกลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าวในที่สุด ดังนั้น ถ้าคุณมีอารมณ์ถึงขีดจำกัด ให้รีบเดินออกจากสถานการณ์ตรงนั้นทันที เมื่อควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วค่อยกลับไปบอกกล่าวเขาด้วยเหตุผล จะทำให้เขารับฟัง และเข้าใจในสิ่งที่คุณอธิบายได้มากกว่าการตะคอกใส่เขานั่นเอง
5. ห้ามสารพัดเรื่อง
เข้าใจในความหวังดีของผู้ปกครองที่มีความเป็นห่วง สารพัดความกลัว จึงมักห้ามโน่นนี่กับลูกอยู่เสมอ ถ้าคุณห้ามเขาบ่อยๆ จะทำให้เขาขาดการเรียนรู้ เด็กจะไม่ได้พยายามใช้ความสามารถของตัวเองเลย จนเกิดความเบื่อหน่าย และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในอนาคต ที่ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เอง ทำอะไรเองไม่เป็น ไม่ค้นพบว่าที่แท้จริงแล้วนั้นตัวเองชอบอะไร ดังนั้น ถ้าคุณคอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและบริเวณเหล่านั้นปลอดภัย ก็ปล่อยให้เขาได้เล่นอย่างอิสระ ทำอะไรด้วยตัวเอง จะทำให้เขาเรียนรู้และสนุกกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติต่อลูก ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่สามารถพบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าพฤติกรรมเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและพัฒนาการของลูก ถ้าคุณอยากให้เขามีพัฒนาการที่ฉลาดสมวัย เป็นเด็กที่กล้าคิด กล้าแสดงออก คุณต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าวที่เรานำมาฝากกันวันนี้อย่างเด็ดขาด แล้วรับรองเลยว่า เขาจะเติบโตมาเป็นเด็กที่น่ารัก มีวินัย มีเหตุผล และเป็นเด็กที่มีคุณภาพในสังคมอย่างแน่นอน สล็อตออนไลน์