ผลกระทบของการหลอกให้ลูกกลัว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบันนั้นละเอียดอ่อน ต้องทำความเข้าใจอยู่มากมายเลยทีเดียว แตกต่างจากการเลี้ยงลูกสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะการหลอกให้ลูกกลัว พ่อแม่ยุคใหม่รู้ดีว่าการชอบพูดขู่ลูกนั้นจะส่งผลเสียร้ายแรง และกระทบต่อพัฒนาการของลูกโดยตรง ทำให้สมองของลูกพัฒนาได้ไม่เต็มที่ การเรียนรู้ถูกขัดขวางในทันที ไม่ว่าจะเป็นการพูดขู่ การหลอกให้กลัว หรือแม้กระทั่งการโกหก ล้วนแล้วแต่ทำให้ลูก ฝังใจไปจนโตทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อให้ตระหนักถึงผลเสียต่อพัฒนาการของมากยิ่งขึ้น เราจึงรวบรวมผลเสียที่ร้ายแรง กระทบต่อพัฒนาการด้านต่างๆของลูกมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
1. หากถูกหลอกให้กลัวบ่อยๆ ลูกจะไม่เชื่อใจคุณอีกต่อไป
เมื่อเด็กมีพัฒนาการที่่สามารถแยกแยะได้ว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนโกหก แล้วพบว่าคนใกล้ชิดของเขาชอบหลอก หรือโกหกเขาอยู่บ่อยครั้ง จะทำให้เขาไม่เชื่อถือในคำพูด และไม่เชื่อใจคุณอีกต่อไป พฤติกรรมเหล่านี้ถ้าหากโดนกระทำซ้ำๆจะส่งผลกระทบต่อจิตใจระยะยาว เขาจะไม่เชื่อคุณสนิทใจถ้าหากคุณพูดจริง ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนี้ เพียงเพาะอยากให้เขาทำตามเราในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
2. ลูกจะเลียนแบบและชอบพูดโกหก
จากการสำรวจพบว่า มีงานวิจัยจากประเทศสิงคโปร์รองรับ ถ้าหากพ่อแม่ชอบพูดหลอก พูดขู่ให้กลัว ยิ่งพูดมากเท่าไหร่จะยิ่งส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของลูกโดยตรง ทำให้เขาซึมซับนิสัยการชอบหลอก ชอบขู่คนอื่น จนกลายเป็นเด็กขี้โกหกได้เลย ซึ่งถ้าหากถึงเวลานั้น จะยิ่งแก้ไขนิสัยเหล่านั้นได้ยากยิ่งขึ้น
3. หลอกให้กลัวจนเกิดความเข้าใจผิดกระทบกับชีวิตประจำวัน
เรามักจะเคยได้ยินผู้ใหญ่ไม่น้อยเลยที่ชอบขู่ให้เด็กหลัวด้วยการอ้างพฤติกรรมในชีวิตประจำวันทำให้เด็กเกิดฝังใจ และเข้าใจผิดเช่น อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลย อย่าเสียงดังนะ เดี๋ยวตำรวจมาจับ อย่าวิ่งไปนะเดี็ยวกระสือมา เป็นต้น การพูดขู่หรือหลอกเด็กแบบนี้จะทำให้เขาซึมซับและกลัวการพบหมอ เมื่อเจอตำรวจก็จะกลัวอย่าไม่มีเหตุผล และที่สำคัญ การพูดขุ่จะทำให้พัฒนาการของลูกถูกขัดขวางและชะงักลงในทันที ไม่เกิดการเรียนรู้เท่าที่ควร ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกขี้ระแวง หรือเป็นเด็กขี้กลัว ต้องปรับเปลี่ยนที่ตัวคุณ
4. หลอกบ่อยๆลูกจะเชื่อคนง่าย
ไม่ชอบคิดวิเคราะห์เอง คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า คุณมีอิทธิพลต่อความคิดของลูกเป็นอย่างมาก ถ้าหากคุณปลูกฝังให้ลูกเชื่อฟังคุณง่ายมากขึ้นด้วยการหลอกให้กลัว หรือขู่ให้ทำตาม ลูกจะเป็นเด็กที่ขาดกระบวนการคิดวิเคราะห์ และแยกแยะ ส่งผลกระทบอย่างมากถ้าหากโตมาเขาจะไม่สามารถตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้อย่างเด็ดขาด ถ้าหากคุณอยากให้ลูกฉลาด มีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถวิเคราะห์สิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างเฉียบคมต้องปล่อยให้เขาเล่นอย่างอิสระ ไม่ห้าม ไม่ขัดขวาง ที่สำคัญไม่ขู่และไม่หลอกให้เขากลัว เซลล์สมองของลูกจะพัฒนาได้แตกแขนงฉลาดสมวัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5. สมองไม่มีความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งน่าเสียดายเป็นอย่างมากที่เด็กในวัยนี้ควรจะมีความคิดที่อิสระ คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ด้วยตัวเองอย่างไร้ขอบเขต แต่กลับโดนปิดกั้นเพียงเพราะการพูดขู่ หรือการหลอกให้ลูกกลัวของพ่อแม่ ทำให้เขาไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเลย ไม่ว่าจะเล่นสิ่งใดก็โดนห้ามไปเสียหมด สมองเลยไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์เลย เขาจะกลายเป็นเด็กไม่มีจินตนาการ ต้องรอคำสั่งจากพ่อแม่เพียงอย่างเดียว ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นเด็กขี้กลัวอย่างไร้เหตุผล ดังนั้นแนะนำว่าให้คุณปล่อยเขาให้ใช้จินตนาการอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ลูกยังอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยก็ให้เขาเล่นอย่างไร้ขีดจำกัด จะทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา นั่นจะเป็นผลดีกับลูกได้มากกว่า
จะเห็นได้ว่า ผลกระทบของการหลอกให้ลูกกลัว นั้นมีมากมาย ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกในอนาคตทั้งสิ้น จะเป็นที่น่าเสียดายมากถ้าหากเด็กพื้นฐานสมองดี เรียนรู้ไว ถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบ ถูกจำกัดความคิด จนกลายเป็นเด็กที่ขี้กลัว ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ได้เรียนรู้พัฒนาตนเองได้เท่าที่ควร เพียงเพราะพ่อแม่อยากควบคุมให้ลูกเชื่อฟังด้วยการขู่ การหลอกให้กลัว เป็นวิธีที่ผิดและทำร้ายลูกทางอ้อม ดังนั้นสำหรับผู้ปกครองยุคใหม่ถ้าอยากให้ลูกฉลาด มีความคิดเฉียบคม เป็นเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์ ควรปล่อยให้เขาเล่นอย่างอิสระ ใช้วิธีแนะนำแทนการขู่ให้กลัว จะเป็นผลดีในระยะยาวกับลูกมากกว่าอย่างแน่นอน