ผลกระทบจากการตำหนิลูกต่อหน้าผู้อื่น การสื่อสารกับลูกนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเพราะทุกคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ น้ำเสียง และท่าทาง มีส่วนช่วยพัฒนาการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของลูกได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้น ทุกคำพูดจะต้องผ่านการกลั่นกรองมาแล้วว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูก คำพูดที่ดีที่สุดควรเป็นคำพูดในเชิงบวก แต่ถ้าหากในบางสถานการณ์ลูกกระทำความผิด หรือ ต้องมีการว่ากล่าวตักเตือน คุณจะต้อง พูดเป็นการส่วนตัว หลีกเลี่ยงการตำหนิต่อหน้าผู้อื่น เพราะอาจทำให้ลูกอับอาย และสร้างเป็นบาดแผลในใจของลูกในอนาคตได้ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องอารมณ์มั่นคง ดุให้จบไวที่สุด ไม่พูดตวาดเสียงดังพร่ำเพื่อ ใช้คำพูดที่ลูกเข้าใจง่าย จะช่วยให้ลูกยอมรับและทำตามได้มากกว่าการต่อต้าน พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลดีมากกว่าการตำหนิหรือตะหวาดลูกต่อหน้าผู้อื่น ซึ่งจะมีผลกระทบตามมามากมายดังนี้

1. ทำให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเองน้อยลง
การเลี้ยงเด็กในยุคใหม่แน่นอนว่า Self Extreme นั้นคือสิ่งที่สำคัญ ที่จะหล่อหลอมให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตที่มีคุณภาพได้ ซึ่งการเห็นคุณค่าในตัวเองนั้นจะทำให้ลูกมีภูมิคุ้มกัน ที่จะสามารถดำเนินชีวิตในสังคมที่โหดร้ายได้อย่างแข็งแกร่ง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้เกียรติลูก หลีกเลี่ยงการตำหนิลูกต่อหน้าคนอื่นเพราะจะทำให้บั่นทอนจิตใจและอาจทำให้เกิดแผลในใจของลูกได้ คำพูดเหล่านี้ที่จะทำร้ายจิตใจเด็กอย่างมาก เช่น เรื่องแค่นี้ทำไมทำไม่ได้, ทำไมไม่เก่งเหมือนคนอื่นเลย, เพื่อนคนอื่นทำได้ดีกว่าลูกอีกนะ คำพูดเหล่านี้ จะทำให้ลูกของคุณเห็นคุณค่าในตัวเองน้อยลง ไม่มีแรงบันดาลใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แถมยังทำให้พัฒนาการถดถอยลงไปเรื่อยๆอีกด้วย

2. ทำให้ลูกไม่รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง
คำพูดของคุณพ่อคุณแม่นั้นเป็นสิ่งที่จะกำหนดชะตาชีวิตของลูกเลยก็ว่าได้ ถ้าครอบครัวมีคำพูดดีๆ คำพูดเชิงบวก ก็จะช่วยเยียวยาจิตใจ เป็นเกราะป้องกันให้ลูกนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลูกทำผิดพลาด หน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่คือการปลอบโยนและให้กำลังใจ มากกว่าการตำหนิอย่างไม่ฟังเหตุผล ซึ่งถ้าหากคุณพ่อคุณแม่บ่นหรือตำหนิลูกอยู่บ่อยๆ เขาจะกลัวการทำผิดพลาด และเป็นเด็กที่ไม่ยอมรับการกระทำของตัวเอง โยนความผิดให้ผู้อื่น เพื่อที่จะไม่ต้องถูกคุณพ่อคุณแม่ตำหนินั่นเอง

3. ลูกจะกลายเป็นเด็กก้าวร้าว
อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเด็กนั้นจะมีพฤติกรรมเลียนแบบคนที่ใกล้ชิด ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่อารมณ์ไม่คงที่ ไม่มีเหตุผล ไม่ว่าจะทำอะไรผิด ก็จะโดนกล่าวโทษหรือโดนตำหนิอยู่ตลอดเวลา คำพูดเหล่านี้จะหล่อหลอมให้เขากลายเป็นเด็กที่โตมาแล้วมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่มีเหตุผล ไม่เชื่อฟังผู้อื่น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการอยู่ร่วมในสังคมในอนาคตด้วยนั่นเอง

4. ทำให้ลูกมองโลกในแง่ร้าย
แน่นอนว่าคำพูดที่ตำหนิลูกต่อหน้าผู้อื่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกโดยตรง คำพูดที่ออกมาในรูปแบบเชิงลบ จะรอนอนให้เขาโทรมาและมองโลกในแง่ร้าย เป็นเด็กที่มีความเครียดอยู่ตลอดเวลา สุขภาพจิตไม่ดี มองคุณค่าของตัวเองน้อยลง และคิดว่าตัวเองนั้นไม่มีความสามารถมากพอเท่ากับคนอื่น ส่งผลกระทบต่อทั้งจิตใจและพฤติกรรมของลูกโดยตรง ขาดความมั่นใจทำให้เขาไม่กล้าที่จะเป็นผู้นำ หรือไม่มีความคิดนี้เริ่มสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ทั้งนั้น ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ลูกเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย หลีกเลี่ยงคำพูดเชิงลบและลดการตำหนิลูกต่อหน้าผู้อื่น จะดีที่สุด

5. ทำให้ลูกเป็น Toxic people
เป็นคนที่อยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมรอบข้างแล้วทำให้บรรยากาศเป็นพิษ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกไม่มีความสุข ซึ่งการที่ทำให้ลูกรู้สึกอับอายต่อหน้าผู้อื่นนั้นก็ถือเป็นคนที่มีพลังงานลบอีกประเภทหนึ่งเช่นกัน ลูกก็จะเติบโตมาจากคำพูดที่เป็นพิษของคุณ กลายเป็นเด็กที่สังคมพยายามหลีกเลี่ยง ดังนั้น เพื่อตัดปัญหาไม่ให้ลูกโตมา ด้วยพลังงานลบ ให้ใช้ชีวิตกับผู้อื่นอย่างมีความสุขเริ่มต้นที่คำพูดของคุณพ่อคุณแม่เป็นส่วนสำคัญ
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ ผลกระทบจากการตำหนิลูกต่อหน้าผู้อื่น ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้จะเห็นได้ว่าคำพูดของคุณพ่อคุณแม่นั้นมีผลต่อจิตใจของลูกเป็นอย่างมาก การตำหนิลูกต่อหน้าผู้อื่นก็ถือเป็นการไม่ให้เกียรติลูก ทำลายความมั่นใจ ทำลายศักยภาพการเรียนรู้ของลูกให้ลดลงไปอย่างน่าเสียดาย นอกจากนี้ คำพูดที่เป็นพิษของคุณ ยังทำให้เขามองโลกในแง่ร้าย สุขภาพจิตใจย่ำแย่ จนกลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าวในอนาคตนั่นเอง ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมเหล่านี้ ให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ตำหนิลูกให้น้อยลง ปลอบโยนและให้กำลังใจ ให้มากขึ้น ด้วยคำพูดที่อ่อนโยน ก็จะช่วยให้เขาเติบโตมาอย่างมีคุณภาพและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกด้วยนั่นเอง