สิ่งที่ต้องเผชิญเมื่อต้องการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หนักอกหนักใจสำหรับคุณแม่อย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบและรักในการทำงาน มีงานประจำที่คุณรักให้ทำในทุกๆวัน แต่เมื่อต้องการเป็นคุณแม่หลายคนเลยมีความลังเลระหว่างการทิ้งหน้าที่การงานรวมถึงรายได้ที่มาใช้หลายอย่างในครอบครัว กับการหันมาเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ โฟกัสเรื่องลูกอย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งที่คุณได้กลับมาคือช่วงเวลาที่มีค่าและพัฒนาการของลูกพี่เติบโตขึ้นในแต่ละวัน จึงทำให้คุณแม่หลายท่านไม่สามารถตัดสินใจได้วันนี้เราจึงรวบรวมสิ่งที่คุณแม่ต้องเผชิญเมื่อจะตัดสินใจเลี้ยงลูกอยู่บ้าน และผันตัวเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ มาฝากกัน
คุณต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าตั้งแต่ที่คุณต้องการสิ่งที่แม่ทุกคนจะต้องมุ่งมั่นตั้งใจไว้อย่างเด็ดเดี่ยวคือการเป็นแม่ที่ดีที่สุดให้กับลูก ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณผันตัวมาเป็นคุณแม่ครูทำแล้วเราก็สิ่งที่คุณจะต้องเผชิญคือการรับหน้าที่ทำงานหนักเพิ่มขึ้นโดยใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 14 ชั่วโมงต่อวันถ้าเทียบกับการทำงานในออฟฟิศหรืองานประจำของคุณแม่โดยเฉลี่ยแล้ว 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าการผันตัวเป็นคุณแม่ครูทานนั้นคุณต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และอาจจะส่งผลให้คุณมีภาวะเครียดสะสมขึ้นได้แต่สิ่งที่คุณจะได้กลับมา คือช่วงเวลาที่มีค่ากับลูกนั่นเอง
คุณอาจจะต้องเผชิญกับความรู้สึกโดดเดี่ยวบ้างในบางเวลา
การที่คุณจะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอด 24 ชั่วโมงอาจทำให้คุณมีภาวะเครียดสะสม และอาจจะกังวลในหลากหลายด้าน รวมถึงสิ่งที่คุณได้ทิ้งมาหน้าที่การงาน ตัวตนของคุณ ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่คุณเคยมี หลายคนอาจมองว่าการ เลี้ยงลูกอยู่บ้านนั้นเป็นเรื่องที่สบาย น่าอิจฉา ตรงกันข้าม แต่ถึงอย่างไรก็ตามมีคุณแม่ฟูลไทม์ไม่น้อยที่มีความสุข ที่ได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกับลูก ได้อบรมสั่งสอน ได้เล่น ได้เรียนรู้กันอย่างใกล้ชิด
ได้เฝ้าดูพัฒนาการและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
สำหรับคนที่กำลังลังเลและอยากตัดสินใจเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ สิ่งที่คุณจะได้รับกลับคืนมา นั่นคือคุณจะได้อยู่บ้านมาร่วมกับลูก ได้เล่น ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เป็นช่วงเวลาที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ และที่สำคัญ ช่วงเวลาทองเหล่านี้ เกิดขึ้นแค่ครั้งหนึ่งของชีวิตเด็กเท่านั้น เมื่อเขาเริ่มเข้าโรงเรียน ลูกจะเริ่มเติบโตและมีสังคมอื่นเข้ามา ชีวิตเขาจะไม่ได้มีเพียงแค่คุณเท่านั้นอีกต่อไป ดังนั้นข้อดีของคุณแม่ฟูลไทม์คือคุณจะได้ตักตวงช่วงเวลาที่แสนพิเศษนี้ได้มากกว่าคุณแม่ที่ต้องทำงานประจำนั่นเอง
คุณอาจจะมีช่วงเวลาที่โหยหาอยากทำงาน
นักจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่าคุณแม่ ที่ไม่มีความสุข คือคุณแม่ที่อยากทำงานแต่ไม่ได้ทำ คุณแม่บางคน อาจจะต้องเลือกกลับมา ดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่ต้องจำใจที่ลาออกจากงานที่ชื่นชอบหรือเป็นที่รัก เธอเป็นงานในอุดมคติที่คุณใฝ่ฝัน แต่ด้วยหน้าที่ความเป็นแม่ทำให้คุณต้องผันตัวมาเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ ถ้าจิตใจคุณยังหวยหายอยู่กับงานอยู่บ่อยครั้ง จะทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าคุณแม่ที่ตัดสินใจเป็นแม่ฟูลไทม์อย่างตั้งใจ ดังนั้นคุณจึงควรสำรวจความต้องการของตัวคุณเองอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะตัดสินใจมาเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ เพื่อประโยชน์สุขของคนในครอบครัว
พบช่วงเวลาที่แสนสำคัญในชีวิต
อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์นั้นคุณจะต้องพบกับสิ่งที่ท้าทายอยู่ในทุกๆวัน คุณก็ต้องรับมือกับความรู้สึกต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ กังวล สับสน โดดเดี่ยว ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องแสดงความเข้มแข็งและพร้อมที่จะปกป้องลูกตลอดเวลา แต่ความรู้สึกเหล่านี้จะถูกลบไปได้เมื่อคุณได้เป็นคนแรกที่เห็นเหตุการณ์สำคัญของลูก และช่วงเวลาเหล่านี้จะช่วยเยียวยาให้คุณกลับมามีพลังบวกได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะในช่วง 0-6 ปีของลูกถือเป็นช่วงเวลาทองที่คุณควรตักตวงและใช้เวลาอยู่กับลูกให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ สิ่งที่ต้องเผชิญเมื่อต้องการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าการเป็นคุณแม่ฟูลไทม์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว คุณจะต้องมีความพร้อม มีความมุ่งมั่นตั้งใจและจะต้องรับมือกับทุกความรู้สึกที่คุณต้องเผชิญได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณต้องมีความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจมากพอ จึงจะมีพลังที่จะไปเอ็นเตอร์เทนลูกให้เล่นสนุกและมีความสุขในทุกๆวันนั้นเอง และที่มากไปกว่านั้นสิ่งที่คุณแม่ครูทำจะได้รับคือช่วงเวลาที่แสนพิเศษที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ และช่วงเวลาเหล่านี้จะมีค่าและมีความหมายอย่างมากเมื่อลูกเติบโตขึ้น babyplaypark