เคล็ดลับดูแลช่องปากและ “ ฟัน ” ของลูกน้อย ตั้งแต่แรกเกิด !
คุณพ่อคุณแม่หลายๆท่าน ที่กำลังหาวิธีช่วยลูกน้อยเพื่อรักษาสุขภาพฟันและเหงือกให้แข็งแรง จนเกิดความกังวลต่างๆ อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งกังวลค่ะ เพราะวันนี้เราจะมาพูดเกี่ยวกับประเด็นดูแลสุขภาพ “ ฟัน ” และเหงือกของลูกน้อยถึงวิธีดูแลต่างๆว่าควรทำอย่างไร
ฟันน้ำนม ของลูกนั้น จะขึ้นช่วงอายุประมาณ 6 เดือน จะขึ้นเรื่อยๆจนครบ และอยู่ไปจนถึงอายุ 11 – 12 ปี ในช่วงระยะเวลาเป็นช่วงสำคัญ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยลูกและสอนวิธีดูแล ฟัน ให้ถูกต้อง อย่าคิดว่าการที่ฟันน้ำนมหลุดไปนั้น ไม่เป็นอะไร เพราะความจริงแล้วการมีเหงือก และฟันน้ำนมที่แข็งแรงจะส่งผลให้กับฟันแท้ที่ขึ้นใหม่ เพราะฟันน้ำนมจะกันไว้เพื่อให้ฟันแท้ขึ้นมาอย่างแข็งแรงและเป็นระเบียบ
การดูแลสุขภาพ “ เหงือก และ ฟัน ” ของเด็กแต่ละช่วงวัย เป็นสิ่งสำคัญ คุณแม่ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า เด็กในช่วงแรกเกิดนั้น อาจจะยังไม่มีฟันขึ้นก็จริง แต่คุณแม่ก็ควรทำความสะอาดให้ลูกอย่างสม่ำเสมอ โดยการใช้ผ้าสะอาด เช็ดบริเวณเหงือก ใช้น้ำลูบเบาๆ และควรเช็ดที่บริเวณกระพุ้งแก้มให้ลูกด้วย แต่คุณแม่จะต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ว่าผ้าที่นำมาใช้นั้น มีความสะอาดเพียงพอที่จะใช้กับช่องปากของลูก
ฟันของเด็กช่วงอายุ 6 เดือน คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์ ก่อนที่ฟันน้ำนมจะเริ่มขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันฟันผุ เมื่อฟันน้ำนมขึ้นแล้วควรใช้ผ้าที่ผ้า ถูทำความสะอาดบริเวณ “ ฟัน ” ของลูก ให้สะอาด ช่วงอายุ 6 เดือน ฟันของลูกยังเล็กมากจึงไม่ควรใช้แปรงสีฟัน แต่ควรใช้นิ้วพันผ้าสะอาด แล้วเช็ดที่ฟันกับกระพุ้งแก้มด้วยเช่นเดียวกัน
ฟันของเด็กในช่วง 1 – 3 ปี จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น จึงสามารถใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กได้แล้ว ดังนั้นคุณแม่ควรที่จะเริ่มสอนลูกแปรงฟัน โดยการทดลองใช้แปรงนุ่มๆ และฝึกให้ลูกรู้จักบ้วนปากเสียก่อน ก่อนที่จะแปรงฟัน เพราะหากลูกเผลอกลืนยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ อาจเป็นผลเสียให้กับ “ ฟัน” ของลูกได้
ฟันของเด็กในช่วงวัย 3 – 4 ปี สามารถแปรงฟันด้วยตัวเองได้ ดังนั้นคุณแม่ควรเช็คให้ดีว่าทุกครั้งที่ลูกแปรงฟันนั้น สะอาดดีหรือไม่ และควรหมั่นพาลูกไปพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อรับคำแนะนำในการดูแล ฟัน เพราะเด็กวัยนี้ชอบกินขนมขบเคี้ยว ซึ่งบางทีอาจทำให้ฟันผุได้ หรือแม้แต่การพาลูกทำกิจกรรมต่างๆ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น การว่ายน้ำก็อาจส่งผลถึงฟัน เนื่องจากน้ำในสระว่ายน้ำนั้นมีคลอรีน ดังนั้นควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ
ฟันของเด็กในช่วงวัย 6 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่เริ่มมีฟันแท้เกิดขึ้นแล้ว ส่วนฟันน้ำนมก็จะเริ่มโยกและหลุดไปได้เอง แต่หากฟันน้ำนมยังไม่ยอมหยุด คุณควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาหมอว่าควรถอนฟันน้ำนมออกหรือไม่ การถอนฟันน้ำนมก็เพื่อทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นใหม่นั้น จัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
การเลือกยาสีฟันและแปรงสีฟัน สำหรับเด็ก คุณแม่ควรพาลูกไปเลือกแปรงสีฟัน และอุปกรณ์แปรงฟันต่างๆ ด้วยตัวเองเพื่อกระตุ้นเป็นการให้เขาอยากแปรงฟันมากขึ้น แต่ควรเลือกให้เหมาะสมกับวัยของลูก ควรเลือกแปรงให้เหมาะสมกับขนาดของปาก และฟันลูกด้วยเช่นกัน ขนแปรงจำเป็นต้องนุ่มไม่บาดเหงือก และด้ามจะต้องพอดีกับมือของลูก เพื่อจะจับได้อย่างถนัด การเลือกยาสีฟันสำหรับลูก ควรเลือกชนิดที่ป้องกันการเผลอกลืนยาสีฟันโดยไม่รู้ตัว ควรเลือกยาสีฟันสูตรปราศจาก ฟลูออไรดี เพราะเป็นสาเหตุของโรคฟันตกกระืเพราะยาสีฟันที่ไม่มีฟลูออไรด์บางชนิด จะทดแทนด้วยแคลเซี่ยมและฟอสเฟต ที่จะช่วยป้องกันฟันผุได้
บางครั้งการดูดนิ้ว อาจเป็นปกติในช่วงวัยทารก แต่นิสัยการดูดนิ้วอาจก่อให้เกิดปัญหาในการเจริญเติบโตของปากและตำแหน่งของฟัน การดูดนิ้วหลังจากที่ฟันขึ้นแล้ว ในช่วงที่ลูกมีอายุ 4 – 7 ปี อาจทำให้เด็กมี ฟัน หน้ายื่นได้ ดังนั้นการขบฟันจะก่อให้เกิดปัญหาในตอนโตได้ อย่างเช่นทำให้ฟันเสื่อมก่อนวัยอันควร มีโอกาสที่ ฟัน จะผุและเคี้ยวอาหารไม่สะดวก การดูดจุกนมหลอกก็เช่นกัน ดังนั้นเราควรมีวิธีจูงใจให้ลูกไม่ดูดนิ้วจะดีที่สุด
เคล็ดลับดูแลช่องปากและ “ ฟัน ” ของลูกน้อย ตั้งแต่แรกเกิด !
Tax 12/1/64
เครดิต https://www.johnsonsbaby.co.th/skin-care/how-to-care-for-toddler-teeth
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เซ็กซี่บาคาร่า