วัคซีนเสริมสำหรับเด็ก คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ว่า นอกจากวัคซีนหลักที่ลูกต้องได้รับให้ครบในแต่ละช่วงวัยแล้วนั้น ในปัจจุบันยังมีวัคซีนอีกหลายตัวที่มีประโยชน์และช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะเรียกว่าวัคซีนเสริม เป็นวัคซีนทางเลือกที่จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกต่อโรคนั้นๆได้ดีขึ้น ซึ่งก็ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว วันนี้เราจึงได้รวบรวม วัคซีนเสริมที่ทางกระทรวงสาธารณสุขแนะนำ จะมีชนิดไหนที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
1. IPD วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ
ถือเป็นวัคซีนเสริมที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก ช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus pneumoniae ที่มีมากกว่า 90 สายพันธุ์ เป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและอาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อ มีผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
โดยวัคซีน IPD นั้นมีทั้งหมด 2 ชนิด คือวัคซีน PCV13 ชนิด 13 สายพันธุ์ พี่จะไปช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ที่สามารถป้องกันสายพันธุ์ 6B, 14 และ 19A ได้ตลอดชีวิต และ PPSV23 สามารถป้องกันเชื้อสายพันธุ์ 6B, 14 และ 19A แต่ไม่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต
2. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
ซึ่งถือเป็นวัคซีนเสริมที่จำเป็นสำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ เป็นวัคซีนที่ได้จากเชื้อที่ตายแล้วโดยผ่านกระบวนการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้จริง ซึ่งในปัจจุบันนี้จะมีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่สามารถควบคุมได้ถึง 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ H1N1 , H3N2 , สายพันธุ์ B Victoria และ สายพันธุ์ B Yamagata โดยวัคซีนชนิดนี้จะช่วยป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่บริเวณจมูก คอ และส่วนล่าง คือที่บริเวณหลอดลมและปอด สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม แนะนำให้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันทุกปี จะช่วยลดความรุนแรงลงได้จริง
3. วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอ
เป็นวัคซีนเสริมที่จะสามารถป้องกันหรือลดความรุนแรงของเชื้อไวรัสตับอักเสบเอลงได้ ที่สามารถพบการปนเปื้อนได้จากอาหารที่เรารับประทานกันอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัย ก็อาจทำให้เด็กนั้นมีไข้ อาเจียน และเบื่ออาหารได้ ทำให้เกิดท้องอืดและมีอาการตาเหลืองตัวเหลืองตามมา โดยวัคซีนเสริมชนิดนี้สามารถฉีดได้ตั้งแต่ลูกอายุ 1 ปีขึ้นไป จะฉีดทั้งหมด 2 ครั้งห่างกัน 6-12 เดือน
4. วัคซีนเสริมมะเร็งปากมดลูก
จะป้องกันการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus ซึ่งการก่อโรคจะอยู่ที่เยื่อบุผิวบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก นิยมฉีดกันมากในเด็กหญิงและเด็กชาย อายุ 9-26 ปี โดยวัคซีนนี้จะไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV ได้ โดยแนะนำให้ฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปีจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. วัคซีนเสริมป้องกันโรคอีสุกอีใส
ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่สร้างความกังวลใจและทิ้งรอยโรคให้รำคาญใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกใหม่ให้กับลูกน้อยไม่ต้องทนกับอาการคันบริเวณผิวหนัง และไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ด้วย เช่น ภาวะปอดอักเสบ หรือสมองอักเสบในทารกแรกเกิด ซึ่งโรคอีสุกอีใสนั้นเกิดจาก เชื้อไวรัส Varicella Zoster ที่จะทำให้เด็กมีอาการไข้ต่ำๆ มีตุ่มใสขึ้นตามร่างกาย มีอาการคันและตุ่มจะค่อยๆตกสะเก็ดกลายเป็นจุดสีดำและทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนร่างกาย โดยวัคซีนนี้สามารถฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป โดยจะฉีดทั้งหมด 2 เข็ม มีประสิทธิภาพช่วยลดความดูแลของโรคลงได้มากเลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ วัคซีนเสริมสำหรับเด็ก ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าโรคภัยไข้เจ็บในปัจจุบันนั้นทวีความรุนแรงขึ้นมากเลยทีเดียว การฉีดวัคซีนหลักเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันนั้น ไม่สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายลงได้อย่างเพียงพอ ดังนั้น วัคซีนเสริม จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ปกครองที่อยากจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังวางแผนสุขภาพของลูกอยู่นั้น วัคซีนเสริมที่เรานำมาฝากก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว