วิธีระงับอารมณ์โกรธของพ่อแม่ สำหรับคนที่เลี้ยงลูกเองจะเข้าใจเป็นอย่างดีเลยว่า อารมณ์ความรู้สึกนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก เด็กจะซึมซับและเรียนรู้พฤติกรรมจากคนที่ใกล้ตัวมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีอารมณ์ หรือลักษณะนิสัยอย่างไร ก็จะช่วยหล่อหลอมให้ลูกกลายเป็นคนเช่นนั้นเหมือนกัน ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกอารมณ์ดีไม่ขี้หงุดหงิดง่าย คุณจะต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี มีวิธีการระงับอารมณ์โมโห หรือลักษณะนิสัยในด้านลบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เผลอไประเบิดอารมณ์โกรธหรืออารมณ์โมโห ไม่วีนเหวี่ยงต่อหน้าลูก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่อารมณ์ร้าย ยิ่งจะต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดี ถือเป็นบททดสอบที่ท้าทายความอดทนของคุณไปในตัว ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวมเคล็ดลับการปรับอารมณ์ความรู้สึกให้ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ขี้โมโหขี้หงุดหงิดง่ายสามารถติดตามรายละเอียดกันได้เลย
1. มีวิธีจัดการกับอารมณ์ในแบบฉบับของตัวเอง
แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่แต่ละคนนั้นระดับความอดทนมีไม่เท่ากัน การเจอบางสถานการณ์แล้วทำให้คุณต้องฟิวส์ขาดจนเผลอแสดงอารมณ์โกรธ หรือพฤติกรรมเชิงลบต่อหน้าลูกไปแน่นอนว่าระดับความรุนแรงของสถานการณ์ย่อมแตกต่างกันด้วย ดังนั้น คุณจึงต้องรู้ขีดจำกัดของอารมณ์ตัวเอง ถ้าหากรู้ตัวว่าใกล้หมดความอดทนแล้ว คุณจะต้องมีวิธีจัดการกับอารมณ์ในแบบฉบับของตัวเอง ที่ทำให้รู้สึกสงบขึ้นได้จริง เช่น การนับตัวเลขเพื่อระงับอารมณ์ วิธีนี้ทำได้ง่ายและทันทีเพียงแค่คุณตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึกๆและนับ 1-10 จะทำให้คุณใจเย็นลงได้ หรือคุณพ่อคุณแม่บางคนจะต้องออกจากสถานการณ์นั้นในทันที เพื่อลดโอกาสที่จะระเบิดอารมณ์ใส่ลูก บางคนอาจจะมีวิธีการอื่นๆ เช่น นั่งฟังเพลง การนั่งสมาธิ เป็นต้น วิธีเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่สามารถทำให้คุณสงบนิ่งและไม่ทำให้คุณกลายเป็นยักษ์ในสายตาลูกได้นั่นเอง
2. ยอมรับในความรู้สึกของตัวเอง
เป็นกระบวนการความคิดที่จะช่วยปกป้องความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันภายในครอบครัวไว้ได้มากยิ่งขึ้น เข้าใจว่าเด็กนั้นอยู่ในช่วงวัยกำลังซน หรืออยู่ในช่วงวัยที่กำลังมีการต่อต้านเมื่อคุณรู้สึกโมโหหรือไม่พอใจในการกระทำใดใดก็ตาม ให้กลับมาย้อนคิดทบทวนกับอารมณ์ของตนเองว่า หากโกรธไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา แถมยังส่งผลกระทบและส่งผลเสียต่อจิตใจของลูกอีกด้วย ให้ทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตัวเอง ขอเวลาระงับสงบสติอารมณ์สัก 5-10 นาทีแล้วค่อยกลับมาพูดคุยกับลูกอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยให้คุณมีเหตุผลและสามารถจัดการกับปัญหาตรงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
3. ระบายความเครียดออกมา
วิธีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณแม่สบายใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือการเขียนระบายความรู้สึกออกมาก็ตาม ล้วนแล้วแต่จะทำให้คุณแม่รู้สึกคลายความกังวลและลดความอึดอัดลงไปได้มากเลยทีเดียว การเก็บอะไรไว้ในใจมากๆจะทำให้คุณแม่มีภาวะเป็นความเครียดสะสม รวมถึงมีความวิตกกังวลในหลายๆเรื่องจนอาจทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้เลยทีเดียว ดังนั้นแนะนำว่า คุณแม่ควรมีที่ปรึกษาที่ดีเช่น พ่อแม่ เพื่อนสนิท สามีหรือญาติพี่น้องที่เข้าใจความรู้สึกของคุณดี หรืออยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะช่วยให้คุณรู้สึกดีและจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น
4. พัฒนาทักษะการรับมือกับอารมณ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าคุณแม่จะมีวิธีและเทคนิคในการระงับอารมณ์ของตัวเองแล้ว แต่อย่าลืมที่จะพัฒนา เหลาทักษะต่างๆเหล่านี้ให้เฉียบคมและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เทคนิคง่ายๆด้วยการนั่งสมาธิ หรือการออกกำลังกาย ให้กล้ามเนื้อได้มีความยืดหยุ่นจะทำให้คุณแม่นั้นรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลายความเครียดและมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ก็จะทำให้คุณแม่สามารถนำเอาทักษะการจัดการความเครียดเหล่านั้นมาใช้ช่วยแก้ปัญหาได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
5. พยายามเปลี่ยนอารมณ์เชิงลบให้เป็นความรัก
หากคุณแม่พิจารณาดีๆแล้วว่าหลายครั้งที่คุณรู้สึกโกรธหรือแสดงพฤติกรรมเชิงลบต่อลูกนั้น จะยิ่งทำให้ลูกมีพฤติกรรมที่รุนแรงและไม่ยอมฟังเหตุผลมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมของคุณแม่ที่แสดงกับลูกนั้นมีผลโดยตรง และส่งผลกระทบร้ายแรงทั้งสภาพจิตใจและพัฒนาการทางด้านต่างๆของโลก ดังนั้นให้คุณแม่ตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าอารมณ์โกรธหรืออารมณ์โมโหไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์ตรงหน้านั้นดีขึ้น พยายามเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกมาเป็นการแสดงความรัก พูดกับลูกด้วยความอ่อนโยน จะทำให้ลูกเข้าใจและยอมฟังเหตุผลของคุณพ่อคุณแม่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการแสดงความรักแทนความโกรธหรือความโมโหนี้ จะช่วยให้การต่อต้านลดลงได้อีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ วิธีระงับอารมณ์โกรธของพ่อแม่ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่า อารมณ์โกรธหรืออารมณ์โมโหนั้นไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม จะมีผลทั้งกระทบต่อจิตใจและพัฒนาการของลูกในทุกๆด้าน อาจทำให้เขากลายเป็นเด็กเก็บกด กลายเป็นเด็กขี้โมโหหงุดหงิดง่าย หรือที่รุนแรงมากกว่านั้นคือกลายเป็นเด็กก้าวร้าวได้ในอนาคต ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับครอบครัว จะต้องการจัดการอารมณ์และควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่เผลอระเบิดอารมณ์ หรือตวาดใส่ลูกอย่างรุนแรง ดังนั้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่อารมณ์รุนแรง เทคนิคเคล็ดลับดังกล่าวข้างต้นที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้คุณจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้น