มาทำความรู้จักกับ โนโรไวรัส เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียระบาดหนักในช่วงฤดูหนาว

โนโรไวรัส เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งฤดูที่หลายคนจะต้องชื่นชอบกันอย่างแน่นอน แต่คุณทราบหรือไม่ว่าลมหนาวที่พัดมานั้น ส่วนใหญ่จะนำพาโรคต่างๆมาสู่ตัวลูกน้อยอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัด โรคหัด โรคอีสุกอีใส หรือรวมไปถึงโรคอุจจาระร่วงอย่าง โนโรไวรัส ก็พบว่าระบาดหนักในช่วงนี้ เช่นอาการท้องเสียส่วนใหญ่จะระบาดหนักในเด็กตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมีความรุนแรงไม่น้อยเลยทีเดียว เพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายของอาการท้องเสียเหล่านี้ วันนี้เราจะพาคุณแม่ไปรู้จักกับโรค โนโรไวรัส  จะมีวิธีการดูแล ป้องกันอย่างไรบ้างนั้นไปติดตามกันเลย

1. ทำความรู้จักกับโรคโนโรไวรัส

1. ทำความรู้จักกับโรคโนโรไวรัส

เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบบริเวณกระเพาะอาหาร  ระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้นั้นจะทนความร้อนได้สูงมาก อีกทั้งยังทนต่อสารเคมีต่างๆได้ดีอีกด้วย จึงทำให้มีการระบาดง่าย ปนเปื้อนเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนได้แล้ว ซึ่งโรคนี้มีความรุนแรงมาก หากได้รับเชื้อในปริมาณที่มาก ถ้าหากรักษาไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้เลย

2. อาการของผู้ที่ติดเชื้อ

2. อาการของผู้ที่ติดเชื้อ

จะแสดงหลังจากที่ได้รับเชื้อมา 12 – 48 ชั่วโมง ซึ่งระยะเวลาช่วงนี้ ไวรัสจะเข้าไปสู่ลำไส้ส่วนต้นแล้ว  ส่วนมากแล้วเรามักจะมีอาการท้องเสียรุนแรง ผสมผสานกับการปวดมวนท้อง และมีไข้ต่ำๆ แต่บางรายอาจมีไข้สูงถึง 38-39 องศาเลยทีเดียว ปวดเมื่อยร่างกาย บางคนมีอาการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งคล้ายกับอาการของอาหารเป็นพิษเลย 

3. การติดต่อของโรคโนโรไวรัส

3. การติดต่อของโรคโนโรไวรัส

สามารถติดต่อได้จากการไปสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ โดยจะติดต่อได้ง่ายจากคนสู่คน โดยเฉพาะการทานอาหารร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้  นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในน้ำดื่ม ผักผลไม้สด และหอยนางรม สำหรับเด็กในวัยอนุบาลจะพบได้จากสาเหตุของการเอานิ้วหรือมือเข้าปากที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น

4. การตรวจวินิจฉัยโรค

4. การตรวจวินิจฉัยโรค

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่สงสัยว่าลูกมีอาการเข้าข่ายการติดเชื้อในไวรัสสามารถนำมาพบแพทย์เพื่อทำการเก็บตัวอย่างอุจจาระส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ซึ่งแพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการสังเกตและสอบถามอาการเบื้องต้น ถ้าหากพบว่าเด็กมีอาการอ่อนเพลียจากการขาดน้ำ อาจมีการให้น้ำเกลือทำหลอดเลือดเพื่อทดแทนน้ำที่เสียไป หรือถ้าหากมีอาการอาเจียนร่วมด้วยแสดงว่าเด็กมีอาการค่อนข้างรุนแรง อาจจะต้องนอนพักรักษาตัวเพื่อให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กอาจเกิดอาการช็อคและเสียชีวิตได้เลยทีเดียว

5. วิธีการป้องกันและเฝ้าระวังโรคโนโรไวรัส

5. วิธีการป้องกันและเฝ้าระวังโรคโนโรไวรัส

โลกนี้จะพบได้บ่อยในเด็กวัยอนุบาลเพราะป้องกันได้ยาก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหมั่นปลูกฝังให้ลูกล้างทำความสะอาดมือด้วยสบู่อยู่บ่อยๆ  โดยทำให้ติดเป็นนิสัย เช่น จะต้องล้างมือให้สะอาดก่อนทานอาหารทุกครั้ง ในส่วนของวัตถุดิบและขั้นตอนการปรุงอาหารก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ให้คุณล้างวัตถุดิบให้สะอาดไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ก็มีส่วนทำให้เกิดการติดเชื้อโนโรไวรัสด้วยกันทั้งสิ้น โดยแนะนำให้ปรุงอาหารให้สุกทุกครั้ง รวมไปถึงใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกันจะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ลงได้มากเลยทีเดียว

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ โรคโนโรไวรัส ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้จะเห็นได้ว่าเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายพบได้บ่อยในช่วงฤดูหนาว ที่สำคัญเป็นเชื้อไวรัสที่ทนต่อความร้อนและสารเคมีสูงจึงทำให้เกิดการระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กวัยอนุบาลที่จะป้องกันได้ยาก ดังนั้นจะเป็นอย่างแรกที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องปลูกฝังให้ลูกรักษาสุขอนามัยที่ดี ต้องล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนทานอาหาร และที่สำคัญให้หลีกเลี่ยงในพื้นที่แออัดหรือพื้นที่ ที่มีผู้ป่วยโรคนี้อยู่ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่สงสัยว่าลูกมีอาการติดเชื้อโนโรไวรัส แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อเฝ้าระวังอาการ และเพื่อดูแลรักษาร่างกายได้อย่างถูกต้องนั่นเอง 

Facebook
Twitter